ในการซื้อขายกันของบริษัทนั้นไม่เหมือนกับการที่เราเดินไปซื้อของในตลาดนะครับ ที่ว่าหยิบของมา จ่ายเงินไป ในการซื้อขายของบริษัทนั้นจะมีขั้นตอนต่างๆเกิดขึ้นกว่าจะซื้อขายกันได้นี่ใช้หลายขึ้นตอนเลยทีเดียว บทความนี้เลยจะเล่าถึงขั้นตอนในการซื้อและการขายของบริษัทแบบพื้นฐานครับ แต่ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจเอกสารเหล่านี้ก่อน เราจะเริ่มโดยพูดถึงการซื้อกันก่อนนะครับ
การซื้อนั้น สมมติว่าเราคือบริษัท Bloger จำกัด แล้วเราต้องการซื้อของโดยซื้ออุปกรณ์สำนักงานจากบริษัท Office mart จำกัด เราจะเรียกบริษัท office mart ว่าเป็น supplier ของเรา ก่อนจะซื้อเราก็ทำรายการสิ่งของที่เราต้องการซื้อก่อน เช่า โต๊ะทำงาน กระดาษ A4 ปากกา ฯลฯ เสร็จแล้วเราก็ทำรายการของทั้งหมดนี้เรียกว่า Ask for quotation ส่งไปยัง supplier ของเราให้เขาเสนอราคาสิ่งที่เราต้องการซื้อมาให้( Quotation คือใบเสนอราคานะ ) ขั้นนี้เรากับ supplier จะคุยตกลงราคากันไปๆมาๆ จนในสุดก็ได้ราคาที่ตกลงซื้อขายกันได้ บริษัทเราก็จะทำใบ purchase order โดยที่มีเนื้อเป็นรายการสิ่งของที่ตกลงราคาจะซื้อกับ supplier แน่นอนและทาง supplier ก็ยินดีจะขายราคานี้ให้กับบริษัทเราด้วย ถึงขั้นนี้ครับโดยทั่วไปเมื่อมีการส่งของมาให้เราแล้วจะมีการวางใบ Invoice (ใบแจ้งหนี้) มาให้ด้วยหรือเรียกว่าการวางบิล เหมือนตอนบิลค่าน้ำค่าไฟส่งมาที่บ้านเราอ่ะ บิลมาแล้วต้องไปจ่ายด้วยนะ พอขั้นนี้เราก็ไปชำระเงินตามยอดใน Invoice ที่ส่งมา บริษัทเราก็จะมีใบ Payment หรือทั่วไปเรียก Receipt (ใบเสร็จ) ถือว่าใบนี้เป็นหลักฐานการชำระเงิน จบขั้นตอนนี้กระบวนการซื้อเรียบร้อย
การขาย สมมุติว่าบริษัท Bloger ของเราขายเฟอร์นิเจอร์ แล้วมีบริษัท Banana ทำบ้านจัดสรรแล้วต้องการซื้อเฟอร์นิเจอร์จำนวนมากๆจากบริษัทเรา เราจะเรียกบริษัท Banana ว่าเป็น customer (ลูกค้า) ของเรา พอเราได้รายการสิ่งของที่ customer ของเราต้องการ เราก็ทำใบ Quatation ออกมา จะเห็นได้ว่าเหมือนกับการซื้อเลยแต่ต่างกันตรงที่บริษัทเราเป็นคนเสนอราคา ขั้นนี้ก็ตกลงราคากันจนเคลียร์กันได้ทั้งสองฝ่ายละ เราก็จะทำใบ sale order เพื่อยืนยันราคาขายที่ได้ตกลงกันกับ customer ของเรา พอเราส่งของไปให้ customer เราก็จะแนบใบ Invoice มาให้ customer ของเราด้วย พอถึงกำหนด customer ชำระเงินตามยอดใบ Invoice เราก็ทำใบ Payment หรือ Receipt ออกมาเป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ
จะเห็นได้ว่าในการซื้อกับการขายของบริษัทนั้นแทบจะไม่ต่างกันเลย ต่างกันเพียงบทบาทว่าเราเป็นคนซื้อหรือเป็นคนขาย พอเราเข้าใจพื้นฐานนี้ก็จะทำให้เราเข้าใจธุรกิจมากขึ้น
Emoticon Emoticon